ผู้มองเห็นแสงสว่างในความมืด
ประวัติของพระจักขุปาลเถระเป็นอย่างยิ่ง เพราะในวินาทีที่ดวงตาของท่านดับมืดลง ท่านกลับได้มองเห็น “แสง” ที่สว่างที่สุดในชีวิต
พระจักขุปาละ หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า พระมหาปาละเป็นบุตรชายของเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี สมบัติพัสถานที่มารดาบิดาสะสมไว้นั้นมีมากมายเพียงพอให้มหาปาละสุขสบายไปตลอดชีวิต แต่เมื่อมหาปาละได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เงินทองที่บิดามารดาหามากองไว้ให้ก็หมดความหมายในทันที บุรุษหนุ่มพึงใจจะปฏิบัติธรรมกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นโดยมิได้ไยดีต่อทรัพย์สินใดๆ
หลังจากที่บวชแล้ว พระมหาปาละตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ท่านถืออิริยาบถเพียง 3 ลักษณะคือ ยืน เดิน และนั่ง ถึงขนาดตั้งสัจจะว่า “จะไม่เอนกายลงนอนเลยตลอดสามเดือนที่จำพรรษา”
สัจจะที่ว่านี้ไม่ได้สร้างความลำบากให้แก่จิตใจที่เด็ดเดี่ยวของพระมหาปาละแม้แต่น้อย มีเพียงสังขารร่างกายของท่านเท่านั้นที่เป็นอุปสรรคในการรักษาสัจ เพราะเดือนแรกของการจำพรรษา พระเถระก็มีอาการขัดเคืองดวงตาและน้ำตาไหลไม่หยุด เมื่อแพทย์ตรวจดูอาการแล้วก็จัดยาขนานเอกถวายท่าน
ปัญหามีอยู่ว่า พระมหาปาละต้องยอมเสียสัจจะเอนกายลงนอนเพื่อเป่ายาเข้าทางจมูกเท่านั้น พระมหาปาละชั่งใจใคร่ครวญอยู่นานว่าจะยอมเสียสัจหรือไม่ ในที่สุดท่านพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร มองเห็นความจริงว่าดวงตาทั้งสองข้างมิใช่สิ่งที่ท่านจะยึดมั่นถือมั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไปจากดวงจิตเท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนี้ พระมหาปาละจึงไม่ลังเลที่จะรักษาสัจของตนจนถึงวินาทีที่ดวงตาของท่านไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป
ดวงตาของท่านดับมืดลงพร้อมกับกิเลสของท่านที่ดับสลายพระมหาปาลเถระบรรลุเป็นพระอรหันต์นับตั้งแต่บัดนั้น
ทุกขเวทนาที่พระมหาปาละได้รับในชาตินี้เป็นผลมาจากอกุศลกรรมที่ท่านเคยทำไว้ในอดีตชาติ ชาติหนึ่งพระมหาปาละเคยเกิดเป็นหมอรักษาโรคทางดวงตาให้สตรีนางหนึ่ง แต่ด้วยความโกรธแค้นที่ไม่ได้รับค่ารักษา ท่านจึงปรุงยาหยอดตาชนิดที่ส่งผลให้สตรีนางนั้นตาบอดในทันที ผลกรรมที่พระมหาเถระกระทำได้ตามมาสนองท่าน
ในที่สุด
ถึงแม้พระมหาปาละจะกลายเป็นภิกษุทุพพลภาพ แต่ท่านยังรักษาวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด กระนั้นก็ตามด้วยเหตุที่ดวงตาของท่านไม่อาจมองเห็นสิ่งใด พระมหาปาละจึงพลาดพลั้งเหยียบแมลงที่หล่นเกลื่อนพื้นตายเป็นจำนวนมาก แต่เพราะกรรมของท่านในครั้งนี้มิได้เกิดจากเจตนา พระมหาปาละจึงปลอดจากอกุศลกรรมได้ยุติการเวียนว่ายตายเกิดในที่สุด
เส้นทางแห่งการบรรลุธรรมของพระมหาปาละน่าจะทำให้หลายคนเห็นว่า “วิกฤติ” ของร่างกายมิได้สลักสำคัญหรือเป็นอุปสรรคใดๆ ด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแม้ในยามที่ดวงตากำลังจะมืดมิดลง พระมหาปาละก็สามารถใช้ใจพิจารณาเรียนรู้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสจนมองเห็น “แสงสว่าง” ในความมืดได้ในที่สุด
พระจักขุปาละ หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า พระมหาปาละเป็นบุตรชายของเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี สมบัติพัสถานที่มารดาบิดาสะสมไว้นั้นมีมากมายเพียงพอให้มหาปาละสุขสบายไปตลอดชีวิต แต่เมื่อมหาปาละได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เงินทองที่บิดามารดาหามากองไว้ให้ก็หมดความหมายในทันที บุรุษหนุ่มพึงใจจะปฏิบัติธรรมกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นโดยมิได้ไยดีต่อทรัพย์สินใดๆ
สัจจะที่ว่านี้ไม่ได้สร้างความลำบากให้แก่จิตใจที่เด็ดเดี่ยวของพระมหาปาละแม้แต่น้อย มีเพียงสังขารร่างกายของท่านเท่านั้นที่เป็นอุปสรรคในการรักษาสัจ เพราะเดือนแรกของการจำพรรษา พระเถระก็มีอาการขัดเคืองดวงตาและน้ำตาไหลไม่หยุด เมื่อแพทย์ตรวจดูอาการแล้วก็จัดยาขนานเอกถวายท่าน
ปัญหามีอยู่ว่า พระมหาปาละต้องยอมเสียสัจจะเอนกายลงนอนเพื่อเป่ายาเข้าทางจมูกเท่านั้น พระมหาปาละชั่งใจใคร่ครวญอยู่นานว่าจะยอมเสียสัจหรือไม่ ในที่สุดท่านพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร มองเห็นความจริงว่าดวงตาทั้งสองข้างมิใช่สิ่งที่ท่านจะยึดมั่นถือมั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไปจากดวงจิตเท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนี้ พระมหาปาละจึงไม่ลังเลที่จะรักษาสัจของตนจนถึงวินาทีที่ดวงตาของท่านไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป
ดวงตาของท่านดับมืดลงพร้อมกับกิเลสของท่านที่ดับสลายพระมหาปาลเถระบรรลุเป็นพระอรหันต์นับตั้งแต่บัดนั้น
ทุกขเวทนาที่พระมหาปาละได้รับในชาตินี้เป็นผลมาจากอกุศลกรรมที่ท่านเคยทำไว้ในอดีตชาติ ชาติหนึ่งพระมหาปาละเคยเกิดเป็นหมอรักษาโรคทางดวงตาให้สตรีนางหนึ่ง แต่ด้วยความโกรธแค้นที่ไม่ได้รับค่ารักษา ท่านจึงปรุงยาหยอดตาชนิดที่ส่งผลให้สตรีนางนั้นตาบอดในทันที ผลกรรมที่พระมหาเถระกระทำได้ตามมาสนองท่าน
ในที่สุด
ถึงแม้พระมหาปาละจะกลายเป็นภิกษุทุพพลภาพ แต่ท่านยังรักษาวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด กระนั้นก็ตามด้วยเหตุที่ดวงตาของท่านไม่อาจมองเห็นสิ่งใด พระมหาปาละจึงพลาดพลั้งเหยียบแมลงที่หล่นเกลื่อนพื้นตายเป็นจำนวนมาก แต่เพราะกรรมของท่านในครั้งนี้มิได้เกิดจากเจตนา พระมหาปาละจึงปลอดจากอกุศลกรรมได้ยุติการเวียนว่ายตายเกิดในที่สุด
ในยามมืดมิดไม่มีแสงไฟและแสงเทียน แต่ยังมี "แสงจันทร์" ที่คอยส่องสว่างให้เห็นทาง
Post a Comment