“เศษเหล็ก” ของในหลวงรัชกาลที่ ๙
ดาบ ที่งดงามนั้น …
ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ทั้งความเจ็บปวดต่างๆ กว่าจะประสบความสำเร็จ
ขอน้อมนำพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรื่อง “ดาบ” มาเป็นกำลังใจสำหรับชาวไทยทุกคนที่กำลังย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ทั้งความเจ็บปวดต่างๆ กว่าจะประสบความสำเร็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้ทรงรับสั่งให้กำลังใจ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ในคราวหนึ่ง และดร.สุเมธ ได้เล่าประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับพระราชทานกำลังใจ ว่า
“ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ในสภาพจิตใจที่แย่มาก มันไม่มีกำลังใจจะทำอะไร ท้อแท้กับงานมาก ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนทำดี แต่ไม่ได้ดี"
ในหลวง (รัชกาลที่ ๙) พระองค์ท่านเสด็จฯ มาพอดีครับ และท่านได้ทอดพระเนตรเห็นสีหน้าผมไม่สู้จะดี ท่านได้ทรงสอบถามจนได้ความว่า ผมกำลังท้อแท้กับงาน
พระองค์ท่านจึงตั้งคำถาม รับสั่ง ว่า“ท่านสุเมธ เคยขายเศษเหล็กไหม เศษเหล็กเหล่านั้นเวลาขาย ราคาต่ำมาก คงได้เงินมาไม่กี่บาท
“แต่ถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่ง เวลาหลอมนี่เหล็กคงรู้สึกร้อนมาก พอหลอมเสร็จจะนำมาทำเป็นดาบ ต้องนำมาตีให้แบนอีก เวลาตีต้องเอาไปเผาด้วย ตีไปเผาไป อยู่หลายรอบกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างดาบ ตามที่ต้องการ ต้องผ่านความเจ็บปวด ความร้อนอยู่นาน
ต้องผ่านความเจ็บปวด ความร้อนอยู่นาน แถมเมื่อเสร็จแล้ว ถ้าจะให้สวยงามดังใจ ก็ต้องนำไปแกะสลักลวดลาย ก็ต้องใช้ของมีคมมาตีให้เป็นลวดลายอีก แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงาม ก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ
จะเห็นว่า กว่าที่ เศษเหล็ก ไม่มีคุณค่ามากนัก จะกลายมาเป็น ดาบที่งดงาม นั้น ต้องผ่าน อุปสรรค มามากมาย ทั้งความ "เจ็บปวด" ต่างๆ
ดังนั้น ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า "ใครที่ไม่เคยถูกตี ถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลย จงอย่าได้หาญคิดทำการใหญ่"
จะเห็นว่า กว่าที่ เศษเหล็ก ไม่มีคุณค่ามากนัก จะกลายมาเป็น ดาบที่งดงาม นั้น ต้องผ่าน อุปสรรค มามากมาย ทั้งความ "เจ็บปวด" ต่างๆ
ดังนั้น ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า "ใครที่ไม่เคยถูกตี ถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลย จงอย่าได้หาญคิดทำการใหญ่"
ถ้าต้องการจะเห็นสายรุ้ง คุณต้องอดทนกับสายฝนก่อน
Post a Comment